51-53 ซอยศูนย์บันเทิงการค้า ถนนนวมินทร์ เเขวงคลองจั่น บางกะปิ, กรุงเทพ, ประเทศไทย 10240

สีพ่นรถยนต์ THE CODE COLOR

THE CODE COLOR ร้านจำหน่ายสีพ่นรถยนต์คุณภาพเยี่ยมมาตรฐานระดับโลก เพียบพร้อมด้วยสีพ่นรถยนต์ 2K เกรดเดียวที่ใช้ในการพ่นรถยนต์แบรนด์ดังจากโชว์รูม สีสดสวยงามไม่มีซีดจาง มีให้เลือกช้อปมากมายหลายเฉดสี ล้วนแล้วแต่คัดสรรมาเป็นอย่างดี หากสีที่มียังโดนใจ ไม่ใช่โทนที่คุณต้องการ สามารถสั่งผลิตและผสมสีพ่นรถยนต์ 2K ตามตัวอย่างที่ต้องการได้ การันตีสี K สีสดตรงปกชัวร์ รับรองเกาะติดแน่นทนนานเข้ากันได้ดีกับทุกพื้นผิวของรถยนต์ ใช้ได้กับรถยนต์ทุกรุ่นที่ยี่ห้อ เปลี่ยนรถยนต์คันเก่าของคุณให้สวยงาม และสร้างเสน่ห์ให้กับรถยนต์ทุกคันดีงามเหมือนใหม่

คุณสมบัติของสีพ่นรถยนต์

1. สีพ่นรถยนต์มีความสามารถในการทนความร้อน

คุณสมบัติที่สีพ่นรถยนต์จำเป็นต้องมีที่สุด คือความสามารถในการทนทานต่อความร้อน และอุณหภูมิสูง ๆ โดยที่เมื่อพ่นสีรถยนต์แห้งแล้ว และขับขี่ไปในสภาพแวดล้อมภายนอกที่เต็มไปด้วยแสงแดด และรังสี UV ความร้อนที่รถยนต์ได้รับจะได้ไม่สูงจนทำให้เครื่องยนต์เกิดการขัดข้อง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สีพ่นรถยนต์ 2K บางรุ่นจึงมีคุณสมบัติในการเสริมความเย็นให้กับชั้นผิวด้วย

2. สีพ่นรถยนต์ป้องกันการเกิดสนิม

คุณสมบัติสีพ่นรถยนต์ 2K ที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะหากคุณพ่นสีรถยนต์และขับใช้งานในประเทศไทยที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น ฝนตกบ่อยด้วยแล้ว การเคลือบสีรถยนต์ให้มีคุณสมบัติในการป้องกันการขึ้นสนิมได้ดีเยี่ยม ถือเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะเมื่อเคลือบสีพ่นรถยนต์แล้ว จะช่วยป้องกันความชื้นในชั้นพื้นผิวรถยนต์ รวมถึงไม่ไปทำปฏิกิริยากระตุ้นให้เกิดการเกิดสนิม ทำให้สีรถยังคงความสดใสได้แม้ในวันที่ฝนตกแดดออก

3. สี 2K ทนทานต่อสารเคมี น้ำมัน และไอระเหย

สีพ่นรถยนต์ 2K ที่ดีต้องมีความทนทานต่อสารเคมี น้ำมันเครื่องรถยนต์ รวมถึงไอระเหยที่เกิดจากการขับขี่ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากรถยนต์เต็มไปด้วยเครื่องยนต์และน้ำมันต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกันตลอดเวลา หากสีพ่นรถยนต์ไม่มีความสามารถในด้านนี้ เครื่องยนต์ก็มีโอกาสที่จะเสื่อมสภาพการใช้งานได้เร็วกว่าเดิม

4. ยึดเกาะได้ดี ไม่เกิดรอยแยกแตกเมื่อพ่นสีรถยนต์

สี 2K และสีพ่นรถยนต์ทุกรุ่นควรต้องมีปริมาณความหนาแน่นของเนื้อสีสูง เพื่อที่เมื่อพ่นสีรถยนต์แล้วสีจะได้ยึดเกาะติดกับพื้นผิวได้ดี ไม่มีสีกระจายหรือรอยแตกแยกจากกัน หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้เราต้องพ่นสีรถยนต์ซ้ำอีก รวมถึงเครื่องยนต์อาจชำรุดเสียหายได้

ทำไมสีพ่นรถยนต์ 2K ถึงเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ!

คุณสมบัติที่โดดเด่นของสีพ่นรถยนต์ 2K คือประสิทธิภาพในการแห้งตัวของสี ซึ่งส่งผลสำคัญต่อคุณภาพของการพ่นสีรถยนต์เป็นอย่างมาก เนื่องจากสี 2K มีการแบ่งออกเป็น 2 องค์ประกอบ ได้แก่ สีพ่นรถยนต์ และตัวเร่งปฏิกิริยา (Hardener) จำเป็นต้องมีการผสมสีพ่นรถยนต์ 2K ในอัตราส่วนที่เหมาะสมก่อนพ่นสีรถยนต์ทุกครั้ง แล้วก็จะทำให้ได้ชั้นฟิล์มที่แห้งสมบูรณ์ และเสริมคุณสมบัติของชั้นฟิล์มสีพ่นรถยนต์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนี้

• Durability: เพิ่มความแข็งแรงของชั้นฟิล์มสีพ่นรถยนต์ให้มีความทนทานมากกว่าเดิม และคงสภาพการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้นอีกด้วย
• Weather Resistance: สีพ่นรถยนต์ 2K มีคุณสมบัติคงทนต่อแดดและฝน ทนความร้อนทนความชื้น และพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวนของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
• Chemical Resistance: เพิ่มความแข็งแรงของชั้นฟิล์มสีพ่นรถยนต์ให้มีความทนทานต่อสารเคมีและตัวทำลายได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเบนซิน ดีเซล น้ำมันเบรก และทินเนอร์
• Color Retention: ชั้นฟิล์มสีที่ได้จากการผสมสีพ่นรถยนต์ 2K จะช่วยเสริมความสามารถในการคงสภาพสีเดิมได้ยาวนานยิ่งขึ้น ไม่ซีดจาง และติดทนนานยิ่งขึ้น
• Gloss: เนื้อสี 2K มีความเงางามสูงมาก ไม่ซีดจาง

วิธีการพ่นสีรถยนต์

1. ทำความสะอาดพื้นผิวสำหรับพ่นสีรถยนต์

เริ่มจากการล้างและใช้น้ำยาเช็ดคราบเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย อย่าให้เหลือคราบฝุ่นสิ่งสกปรก หรือคราบไขมันหลงเหลืออยู่เลย และเช็ดด้วยผ้าสะอาดให้แห้งสนิท เพื่อเป็นการป้องกันสนิม จากนั้นให้ตรวจประเมินรอยรถยนต์ หากมีรอยลึกให้ทำการโป้วสีเก็บรอยเสียก่อน แต่หากไม่มีรอยใช้สีพ่นรถยนต์ 2K ทับได้เลย โดยให้ใช้กระดาษทรายเบอร์ละเอียดขัดพื้นผิวที่ต้องการพ่นสีรถยนต์ แล้วใช้ฟองน้ำรองขัดให้เนียน

2. พ่นสีรองพื้นก่อนเริ่มพ่นสีรถยนต์

เมื่อเก็บงานก่อนทำสีพ่นรถยนต์เรียบร้อยแล้ว ให้เริ่มจากการพ่นสีรองพื้นให้ทั่วชิ้นงาน เพื่อปรับสภาพพื้นผิวเมื่อพ่นสีรถยนต์สีจะได้มีความสดและยึดเกาะติดแน่นง่ายขึ้น โดยวิธีการคือพ่นสีรองพื้นให้ทั่วทั้งหมดแต่ต้องไม่หนามากจนเกินไป และทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที รวมถึงการเลือกสีพ่นรองพื้นก็ควรใช้โทนสีที่ใกล้เคียงกับสีพ่นรถยนต์ 2K จริง เพราะถ้าใช้โทนสีที่แตกต่างกันมาก จะทำให้สีจริงเพี้ยนเมื่อพ่นแล้ว

3. พ่นสีพ่นรถยนต์ 2K ให้ถูกวิธี

เริ่มพ่นสีพ่นรถยนต์จริงให้ทั่วทั้งชิ้นงานโดยเว้นระยะห่างประมาณ 1 ฟุต และพ่นประมาณ 1 ถึง 3 รอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สีที่สดชัดดีที่สุด และไม่ควรพ่นจี้หรือเน้นตรงไหนส่วนไหนของชิ้นงานเป็นพิเศษ เพื่อที่พื้นผิวของรถยนต์จะได้มีความเรียบเนียนสวยงามทั่วชิ้นงานเสมอกัน

4. พ่นแลคเกอร์ปิดท้าย

เมื่อทำการเคลือบสี 2K ทั่วชิ้นงานดีแล้ว ให้พักทิ้งไว้ประมาณ 30 ถึง 45 นาที จนสีพ่นรถยนต์เซตตัวและแห้งสนิท จากนั้นให้พ่นแลคเกอร์ปิดท้ายประมาณ 2 รอบ โดยเว้นระยะห่างในการพ่นแลคเกอร์กับชิ้นงานประมาณ 1 ฟุต และในแต่ละรอบให้รอแลคเกอร์แห้งก่อนแล้วจึงค่อยพ่นซ้ำลงไปอีกรอบ

บริการผสมสี PANTONE จาก THE CODE COLOR

แรงบันดาลใจด้านสีสันเพื่อทุกความแตกต่าง

THE CODE COLOR ยินดีให้บริการผสมสี PANTONE ตามความต้องการเฉพาะของคุณ บริการออกแบบสีเทียบเฉดสี ทำสีตามตัวอย่างได้ทุกเฉดสีตามมาตรฐาน PANTONE เฉดสีสดใส คมชัด สมบูรณ์แบบ มีสีสันให้เลือกมากมาย เลือกได้ทั้งสีเงา สีด้าน และสีกึ่งเงา มีทั้งรูปแบบกระป๋องและอัดสเปรย์ พลังยึดเกาะดีเยี่ยม ใช้ได้กับทุกวัสดุ ทุกพื้นผิว (ยกเว้นวัสดุโฟม) รองรับทุกกลุ่มอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ผสานความเชี่ยวชาญจากทีมงานมืออาชีพมากประสบการณ์เรื่องสีกว่า 30 ปี เราจึงให้บริการด้านสีที่ครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ ผสมสี PANTONE ผลิตสีตามตัวอย่าง เพื่อตอบโจทย์ให้กับทุกความต้องการ พร้อมให้คำแนะนำการใช้สีที่เหมาะสมกับชิ้นงานและอัตลักษณ์ของคุณ สามารถผลิตได้ทุกเฉดสีใน PANTONE ได้ค่าสีที่ตรงกับความเป็นจริง ส่งมอบงานรวดเร็วภายใน 24 – 48 ชั่วโมง บริการผลิตเริ่มต้นที่ 0.5 ลิตรเท่านั้น

ความสำคัญของสี PANTONE กับ Brand CI (Corporate Identity)

THE CODE COLOR ผู้เชี่ยวชาญด้านสีและเคมีภัณฑ์ที่เข้าใจทุกความต้องการด้านสี โดยเฉพาะนักออกแบบและผู้เชี่ยวชาญด้าน Brand CI มืออาชีพที่ต้องออกแบบและผลิตสีให้ตรงกับความต้องการที่แตกต่างของลูกค้ามากที่สุด ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่ยาวนานกว่า 30 ปี ทำให้ THE CODE COLOR สามารถรังสรรค์สีสันทุกเฉดสีได้ตามความต้องการของคุณเพื่อการพิมพ์สีที่มีความเฉพาะตัวและชิ้นงานที่ต้องการความละเอียดเป็นพิเศษ พร้อมสื่อสารตัวตนของแบรนด์และบุคลิกของแบรนด์เพื่อสร้างการจดจำของกลุ่มเป้าหมายผ่านสีได้อย่างตรงใจ ทั้งงานออกแบบและสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ครอบคลุมทุกความต้องการสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นแบรนด์ผ่านสีสันได้แบบจัดเต็ม พร้อมสร้าง Brand Awareness `หรือการจดจำของกลุ่มเป้าหมาย ส่งผลความเชื่อถือของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ และทำให้ลูกค้าสามารถเชื่อมโยงกับเรื่องราวของแบรนด์ได้อย่างแท้จริง