51-53 ซอยศูนย์บันเทิงการค้า ถนนนวมินทร์ เเขวงคลองจั่น บางกะปิ, กรุงเทพ, ประเทศไทย 10240

สีพ่นกระจก THE CODE COLOR

สีพ่นกระจก ทางเลือกใหม่ของการเปลี่ยนกระจกใสและกระจกเงาธรรมดาให้สวยงามมีเอกลักษณ์โดดเด่นเข้ากับงานดีไซน์ สร้างความหรูหราให้กับกระจกมากยิ่งขึ้น เหมาะกับงานตกแต่งภายในที่ต้องการความแปลกใหม่ของสีสันที่ไม่ซ้ำแบบใคร ซึ่งสีสำหรับพ่นกระจกของ THE CODE COLOR ล้วนแล้วแต่เป็นสีพ่นกระจกที่มีคุณภาพ เนื้อสีมีความละเอียด ผลิตขึ้นจากกรรมวิธีการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล คัดสรรและดีไซน์ขึ้นมาให้มีหลายเฉดสี เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกซื้อ และตอบโจทย์เข้ากันได้กับทุกงานดีไซน์ ที่สำคัญ สามารถสั่งผลิตสีพ่นกระจกและ Customize ตามสเปกสีที่ต้องการได้ ครบ จบ ในทุกงานสีสำหรับพ่นกระจก ต้องสี THE CODE COLOR

คุณสมบัติของสีพ่นกระจก

สีสำหรับพ่นกระจกผลิตขึ้นจากอะคริลิกแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีคุณสมบัติที่แห้งเร็ว แถมยังติดแน่นกับพื้นผิวกระจกได้ดีมาก และยังมีความทนทานต่อสภาพอากาศได้ดี โดยสีพ่นกระจกจะมีลักษณะของสีทั้งเป็นแบบทึบแสง เมื่อพ่นสีกระจกใสหรือกระจกเงาแล้วจะทำให้เคลือบพื้นผิวกระจกให้สวยงาม ปกปิดพื้นผิวได้อย่างเรียบเนียน และสีพ่นกระจกเงาแบบสีประกายมุก ที่ให้ภาพลักษณ์หรูหรา และยังคงคุณสมบัติในการสะท้อนแสงของกระจกได้อย่างลงตัว

วิธีการพ่นสีกระจก

1. เตรียมกระจกสำหรับพ่นสีกระจกให้พร้อม

เริ่มจากการเตรียมพื้นผิวกระจกที่ต้องการทำสีพ่นกระจกให้สะอาด ล้างกระจกด้วยน้ำสบู่โดยใช้ฟองน้ำเช็ด และล้างออกด้วยน้ำสะอาด ห้ามล้างกระจกด้วยทินเนอร์โดยเด็ดขาด จากนั้นให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง ตรวจสอบกระจกว่ามีเศษฝุ่น หรือรอยนิ้วมือหลงเหลือหรือไม่ หากมีให้เช็ดออกให้เรียบร้อย

2. ผสมสีสำหรับพ่นกระจกในอัตราที่เหมาะสม

คนสีให้ทั่วจนตะกอนก้นกระป๋องเป็นเนื้อเดียวกันกับสีที่ต้องการ จากนั้นให้ผสมสีพ่นกระจกกับทินเนอร์ในอัตราส่วนที่ระบุไว้ข้างกระป๋องสี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอัตรา 5:1 ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักและปริมาณสีสำหรับพ่นกระจกที่ต้องการใช้งานด้วย เมื่อผสมแล้วให้คนสีพ่นกระจกเงาที่ผสมไว้จนเนื้อเข้ากันดีตรงตามสเปกสีที่ต้องการ

3. เริ่มจากการพ่นสีกระจกรองพื้น

หากต้องการการพ่นสีกระจกให้เกาะติดนาน ไม่ลอกล่อน ควรต้องเริ่มจากการพ่นสีกระจกรองพื้นเสียก่อน ที่สำคัญ ต้องใช้กาพ่นสีเท่านั้น ให้ทำการพ่นเคลือบสีพ่นกระจกเงาให้ทั่วชิ้นงาน พ่นสีไปตามทิศทางที่ต้องการ ไม่ควรเน้นที่จุดเดียว จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งสนิท

4. พ่นสีกระจกให้ทั่วชิ้นงาน

พ่นสีกระจกด้วยกาพ่นสีให้ทั่ว โดยเว้นระยะห่างจากกระจกประมาณ 25 ถึง 30 เซนติเมตร และให้ควบคุมระยะห่างและความเร็วในการพ่นสีให้สม่ำเสมอ ไม่ควรพ่นสีเน้นตรงจุดเดิมซ้ำ ๆ เพราะจะทำให้สีสำหรับพ่นกระจกที่ได้เรียบเนียนไม่เท่ากัน หลังจากพ่นสีกระจกเสร็จแล้ว แนะนำให้พ่นสีกระจกทับอีก 1 รอบ เพื่อชั้นสีที่หนาและดูสวยงามมากขึ้น และควรปล่อยทิ้งไว้ให้สีพ่นกระจกเงาแห้งอย่างน้อย 3 วัน ก่อนที่จะนำกระจกไปใช้งานหรือผ่านกระบวนการอื่น ๆ ต่อไป

บริการผสมสี PANTONE จาก THE CODE COLOR

แรงบันดาลใจด้านสีสันเพื่อทุกความแตกต่าง

THE CODE COLOR ยินดีให้บริการผสมสี PANTONE ตามความต้องการเฉพาะของคุณ บริการออกแบบสีเทียบเฉดสี ทำสีตามตัวอย่างได้ทุกเฉดสีตามมาตรฐาน PANTONE เฉดสีสดใส คมชัด สมบูรณ์แบบ มีสีสันให้เลือกมากมาย เลือกได้ทั้งสีเงา สีด้าน และสีกึ่งเงา มีทั้งรูปแบบกระป๋องและอัดสเปรย์ พลังยึดเกาะดีเยี่ยม ใช้ได้กับทุกวัสดุ ทุกพื้นผิว (ยกเว้นวัสดุโฟม) รองรับทุกกลุ่มอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ผสานความเชี่ยวชาญจากทีมงานมืออาชีพมากประสบการณ์เรื่องสีกว่า 30 ปี เราจึงให้บริการด้านสีที่ครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ ผสมสี PANTONE ผลิตสีตามตัวอย่าง เพื่อตอบโจทย์ให้กับทุกความต้องการ พร้อมให้คำแนะนำการใช้สีที่เหมาะสมกับชิ้นงานและอัตลักษณ์ของคุณ สามารถผลิตได้ทุกเฉดสีใน PANTONE ได้ค่าสีที่ตรงกับความเป็นจริง ส่งมอบงานรวดเร็วภายใน 24 – 48 ชั่วโมง บริการผลิตเริ่มต้นที่ 0.5 ลิตรเท่านั้น

ความสำคัญของสี PANTONE กับ Brand CI (Corporate Identity)

THE CODE COLOR ผู้เชี่ยวชาญด้านสีและเคมีภัณฑ์ที่เข้าใจทุกความต้องการด้านสี โดยเฉพาะนักออกแบบและผู้เชี่ยวชาญด้าน Brand CI มืออาชีพที่ต้องออกแบบและผลิตสีให้ตรงกับความต้องการที่แตกต่างของลูกค้ามากที่สุด ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่ยาวนานกว่า 30 ปี ทำให้ THE CODE COLOR สามารถรังสรรค์สีสันทุกเฉดสีได้ตามความต้องการของคุณเพื่อการพิมพ์สีที่มีความเฉพาะตัวและชิ้นงานที่ต้องการความละเอียดเป็นพิเศษ พร้อมสื่อสารตัวตนของแบรนด์และบุคลิกของแบรนด์เพื่อสร้างการจดจำของกลุ่มเป้าหมายผ่านสีได้อย่างตรงใจ ทั้งงานออกแบบและสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ครอบคลุมทุกความต้องการสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นแบรนด์ผ่านสีสันได้แบบจัดเต็ม พร้อมสร้าง Brand Awareness `หรือการจดจำของกลุ่มเป้าหมาย ส่งผลความเชื่อถือของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ และทำให้ลูกค้าสามารถเชื่อมโยงกับเรื่องราวของแบรนด์ได้อย่างแท้จริง