WGSN ผู้นำด้านการคาดการณ์แนวโน้มระดับโลก ได้วิเคราะห์และคาดการณ์เทรนด์สีที่จะมีอิทธิพลในทุกวงการอุตสาหกรรม เนื่องจากวิกฤตสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศของโลก จนเกิดเป็นแรงขับเคลื่อนและกระตุ้นให้ผู้คนหันมาเห็นความสำคัญกันมากขึ้น สิ่งนี้จะสะท้อนให้เห็นในการผสมผสานระหว่างความสว่างเร่งด่วน สีเอิร์ธโทน สีธรรมชาติที่ผิดแปลกไปจากเดิม และโทนสีที่ให้ความรู้สึกสงบ ซึ่งทาง WGSN ได้คาดการณ์ออกมาว่าจะมี 5 เฉดสีสำคัญที่มีอิทธิพลและจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากแซงหน้าเฉดสีอื่นใน ปี 2026 มีเฉดสีไหนบ้างมาติดตามกัน
- สี Transformative Teal
ทรานส์ฟอร์มาทีฟทีล สอดคล้องกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น เป็นการผสมผสานระหว่างสีน้ำเงินและสีเขียวที่ไหลลื่น ให้ความรู้สึกเย็น สงบ และการฟื้นฟู ซึ่งสื่อถึงความหลากหลายของธรรมชาติและกรอบความคิดที่ให้ความสำคัญกับโลกเป็นอันดับแรก ช่วยสร้างความยืดหยุ่นเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ซับซ้อน มันสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองใหม่เกี่ยวกับชีววิทยาที่สามารถเป็นอินทรีย์หรือสังเคราะห์ ธรรมชาติหรือหลังธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโลกในท้ายที่สุด
- สี Electric Fuchsia
อิเล็กทริกฟิวเชียส์เป็นสีนีออนสดใสและเต็มไปด้วยคุณภาพที่เคลื่อนไหวและเข้ากันดีกับงานออกแบบสื่อดิจิทัล เสมือนสี AI ซึ่งเป็นสีแห่งอนาคต เฉดสีที่ส่องสว่างซึ่งอยู่ระหว่างสีชมพูและสีม่วง เข้ากับแนวคิดและทัศนคติของคนยุคใหม่ที่ชื่นชอบความก้าวหน้าและความเร้าใจ ตรงตามคอนเซ็ปต์ Rebellious Resistance ซึ่งเป็นโทนสีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสภาพบริบทของสังคมปัจจุบัน ที่ทุกคนต่างอาศัยอยู่ท่ามกลางความโกรธและความคับข้องใจต่อความแตกต่างทางสังคม เนื่องจากความเหลื่อมล้ำกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน กระตุ้นความรู้สึกของการหลบหนี แต่ก็ยังทำให้ความรู้สึกไม่สบายใจและไม่มั่นคงเช่นกัน
- สี Blue Aura
บลูออร่าเป็นสีพาสเทลที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายแต่มีความทันสมัย สีฟ้าเทาอันเงียบสงบนี้มีคุณสมบัติในการเยียวยาตามชื่อของมัน โดยได้แรงบันดาลใจจากแสงและเงา สามารถนำมาสร้างสรรค์งานออกแบบเล่นกับแสงธรรมชาติได้ดี เมื่อสัมผัสกับแสงจะมีลักษณะเป็นไอแวววาว เข้ากันดีกับงานออกแบบจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพซึ่งหายไป เช่นเดียวกับขยะอุตสาหกรรมรีไซเคิลหรือปูนปลาสเตอร์ที่ผสมสีลงไป อีกทั้งโทนสีบลูออร่ายังดูอบอุ่นสบาย มีความนุ่มนวลชวนล่องลอยเหมือนปุยนุ่น แต่ยังแฝงไว้ด้วยความล้ำยุค คาดว่าจะตอบโจทย์กับอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอย่างมาก ไม่แน่ในปี 2026 เราอาจจะได้เห็นรถยนต์ในเฉดสีบลูออร่าเมทัลลิกก็เป็นได้
- สี Amber Haze
Amber Haze เป็นสีเหลืองโทนสีเขียวที่เต็มไปด้วยคุณสมบัติเข้มข้นและความเปล่งประกายในตัว ให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่นและมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์แบบโบราณชวนให้นึกถึงเครื่องประดับหินและคริสตัล เชื่อมโยงกับการค้นหาจิตวิญญาณและการชี้นำในขณะที่ผู้คนมองหาภูมิปัญญาโบราณในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนในยุคสมัยใหม่ อีกทั้งโทนสี Amber Haze ยังได้รับแรงบันดาลจากธีมสีเอิร์ธโทนที่มีคลาสสิกและได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ซึ่งสอดคล้องกับการค้นหาวิธีที่ยั่งยืนมากขึ้นในการสร้างสีสันให้กับงานออกแบบยุคใหม่
- สี Jelly Mint
เจลลี่มินต์เป็นสีที่ให้ความรู้สึกร่าเริงและสดใส ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่มีความน่ารัก เหมาะสำหรับใช้ในการดึงดูดผู้บริโภคในกลุ่มเด็ก และการออกแบบผลิตภัณฑ์ในรูปแบบการ์ตูน เนื่องจากเจลลี่มินต์เป็นสีในธีม Glimmers ที่ทำให้นึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ย้อนรอยไปสู่ยุคสมัยที่ทุกคนต่างเล่นสนุกกันในวัยเรียนในธีม ช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานและความสุข ซึ่งช่วยให้เรารู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และฟื้นฟูสุขภาพจิตให้ดีขึ้น โดยสีเจลลี่มินต์เข้ากันดีการตกแต่งพื้นผิวชิ้นงานที่มีความมันเงา ส่องสว่าง และงานตกแต่งพื้นผิววัสดุกระจกเป็นอย่างมาก
สังเกตได้ว่าโทนสีแห่งอนาคต ปี 2026 ส่วนใหญ่จะเป็นโทนสีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสภาพสังคมและสภาพแวดล้อมของโลกในปัจจุบัน ซึ่งสื่อถึงความโหยหาในจิตใจของคนเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งแต่ละสีต่างมีเอกลักษณ์และให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน นับเป็นโจทย์ที่นักออกแบบต้องพิจารณาและเลือกใช้เฉดสีสุดล้ำนี้ให้เข้ากับภาพลักษณ์และลักษณะของงานออกแบบของแต่ละธุรกิจด้วย
ใครที่รู้สึกชื่นชอบโทนสีแห่งอนาคต สุดฮิตปี 2026 นี้ และอยากเป็นผู้นำเทรนด์ เริ่มต้นนำมาตกแต่งงานดีไซน์ก่อนใคร ทาง THE CODE COLOR เรามีสีพ่นสเปรย์มาตรฐานสูงเกาะติดแน่นทนนานกับทุกพื้นผิวชิ้นงาน มีจำหน่ายให้เลือกครบทุกเฉดสี ซึ่งท่านสามารถสั่งผลิตใหม่ตาม PANTONE หรือตามตัวอย่างที่เราแนะนำไปก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสีทรานส์ฟอร์มาทีฟทีล สีบลูออร่า สีเจลลี่มินต์ สีอิเล็กทริกฟิวเชียส์ หรือสี Amber Haze เราก็จัดให้ได้เป๊ะตามคำขอ ท่านใดสนใจติดต่อสอบถามทีมงานของเราโดยตรงได้เลย