เพื่อน ๆ เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า หนังแต่ละเรื่องไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็แล้วแต่ ต่างเลือกใช้โทนสีในการสะท้อนอารมณ์ บ่งบอกความรู้สึก และนำเสนอสไตล์ของโทนหนังด้วยลีลาที่แตกต่างกันออกไป นอกเหนือไปจากมิติของบทบาท มิติของภาพและเสียงดนตรีประกอบแล้ว เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น บทความนี้ The Code Color จะมาช่วยเผยความลับให้กระจ่าง ตีความโทนสีแต่ละโทนที่นิยมใช้ในงานภาพยนตร์ให้ทุกคนเข้าใจกันมากขึ้น โทนสีไหนบ่งบอกสื่อความอย่างไรได้บ้าง
ทำไมต้องเลือกใช้โทนสีช่วยในการสื่อความหมายในภาพยนตร์?
ก่อนที่จะไปเจาะลึกถึงแต่ละโทนสี มาทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ผู้กำกับภาพยนตร์เลือกใช้สีในการนำเสนอร่วมกับมิติภาพและเสียงดนตรีประกอบตามภาพยนตร์กันก่อน ซึ่งสาเหตุสำคัญคงเป็นเพราะว่า ในเชิงจิตวิทยา ‘สี’ มีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ เพราะฉะนั้นจะสังเกตได้ว่าองค์ประกอบภาพรวมในภาพยนตร์หรือ Animation แต่ละเรื่อง ไม่ได้มีเพียงแค่บทละคร ฉาก แสง เสียง และบรรยากาศแวดล้อมเพียงเท่านั้น แต่ยังมีสีที่ปรากฏในภาพยนตร์มาเล่นกับอารมณ์และความรู้สึกของคนดูได้อีกด้วย ถือเป็นเสน่ห์ของการนำสีมาใช้ในงานศิลปะที่สื่ออารมณ์ได้อย่างแท้จริง
พาเลตต์สีที่นิยมนำใช้สร้าง Mood & Tone ให้กับภาพยนตร์
- โทนสีแดง
สีแดงจัดเป็นพาเลตต์สีที่สื่อความหมายถึงความรัก ความหลงใหล ความรุนแรง ความอันตราย ความโกรธ และรวมถึงพลังอันเหลือล้น ซึ่งการตีความหมายหรืออารมณ์ของโทนสีแดงในภาพยนตร์นั้นจำเป็นต้องดูบริบทของหนังด้วย เพราะสามารถสื่อได้ทั้งสิ่งที่เป็นด้านบวกและด้านลบ เช่น ในภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง “Her” ที่ตัวละครเอกและซีนที่ตัวเอกออกมาในช่วงอินเลิฟมักจะใช้เฉดสีแดงเป็นฉากหลัง เพื่อบอกเล่าโมเมนต์อารมณ์ของพระเอกในเวลานั้น ๆ นั่นเอง
- โทนสีเหลือง
เฉดสีเหลืองเป็นสีที่มีความ Conflict อยู่ในตัว เพราะสามารถสื่อความหมายในเชิงบวกเกี่ยวกับอารมณ์ความสุข ความร่าเริง และพลังแห่งจินตนาการได้เป็นอย่างดี แต่ในทางกลับกัน เราต่างก็พบว่าในภาพยนตร์บางเรื่อง ผู้กำกับก็เลือกใช้โทนสีเหลืองเพื่อสื่อถึงตัวละครที่มีความวิกลจริต ความเจ็บป่วย การทรยศ และความคลั่งได้เช่นกัน ดังตัวอย่างในหนังเรื่อง Birdman ที่ตัวละครหลักทะเลาะกับลูกสาวที่กำลังรู้สึกคลุ้มคลั่ง ฉากพื้นหลังและองค์ประกอบภาพรวมทั้งหมดจะออกเป็นสีเหลืองทั้งหมด
- โทนสีเขียว
เฉดสีเขียวในภาพยนตร์ไม่ได้หมายถึง Go Green Environment แบบบริบทในปัจจุบัน แต่จะสะท้อนถึงความเป็นธรรมชาติ วัยเด็ก ความมืดมัว ความชั่วร้าย และความไม่ซื่อสัตย์ได้อย่างชัดเจน เพราะเหตุนี้ผู้กำกับหนังภาพยนตร์ชื่อดังของ Disney จึงเลือกใช้โทนสีเขียวเป็นสีหลักของภาพยนตร์เรื่อง Maleficent ที่เป็นเรื่องราวของเด็กสาวแสนสดใสกับนางฟ้าปีศาจที่ไม่เชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ เพราะเคยถูกหักหลังมาก่อน รวมถึงบทบาทของ Maleficent ที่เป็นดั่งราชินีในหมู่ปีศาจ
- โทนสีฟ้า
ความหนาวเย็น ความเหงา ความโดดเดี่ยว ความเศร้า ความเงียบสงบใจเย็น คือนิยามความหมายของเฉดสีฟ้าในภาพยนตร์ ซึ่งเรามักจะพบเห็นบ่อยในภาพยนตร์ที่มีธีมหนังอวกาศหรือหนังแนวโรแมนติก เพราะสีฟ้านิยมใช้สื่อถึงซีนภาพยนตร์ที่เป็นขั้วตรงข้ามกับสีแดง หนังรักทุกเรื่องจะต้องมีฉากที่ตัวละครเข้าโหมดเศร้าหรือรู้สึกเหงาอยู่แล้ว ดังนั้นสีฟ้าจะเข้ามาเปลี่ยน Mood อารมณ์ความรู้สึกของคนดูในรู้สึกอินไปกับภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น รู้สึกว่าตัวละครกำลังเจอกับจุดกระทบหรืออุปสรรคทางด้านอารมณ์เข้าแล้ว
- โทนสีม่วง
สีม่วงในภาพยนตร์ไม่ได้หมายถึงกลุ่มเพศ LGBTQ แต่จะสื่อถึงความลึกลับ เวทมนตร์ และความรู้สึกทางกามารมณ์ เราจึงพบว่าหนังแนวไซไฟ แฟนตาซีที่เกี่ยวกับโลกแห่งอนาคตมักเลือกใช้เฉดสีม่วงเป็นหลักเลยก็ว่าได้ ยกตัวอย่างเช่น หนังดังเรื่อง Blade Runner 2049 ที่ใช้สื่อถึงความลึกลับ ชวนให้พระเอกรู้สึกอยากค้นหาความจริง เป็นต้น
ถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายท่านคงเริ่มมีภาพแว้บเข้ามาในหัว เข้าใจถึงองค์ประกอบสีและฉากในภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่เคยรับชมเข้ามาบ้างแล้วใช่ไหม ผู้กำกับหนังเก่ง ๆ จะไม่ได้อาศัยแค่บท ภาพ และเสียงในการยกระดับงานคุณภาพเท่านั้น แต่ยังดึงองค์ประกอบของสีมาเสริมมิติให้กับตัวหนังได้ดียิ่งขึ้นด้วย ถ้าคุณเข้าใจถึงความหมายของสีได้ครบถ้วน รับรองอรรถรสและความสนุกในการรับชมภาพยนตร์ของคุณจะสนุกยิ่งขึ้นกว่าที่เคย
สุดท้ายสำหรับท่านใดที่ชื่นชอบโทนสีในภาพยนตร์ และอยากนำมาประยุกต์ใช้ในงานศิลปะ งานผลิตเฟอร์นิเจอร์ หรือใช้ร่วมกับชิ้นงานต่าง ๆ ทาง The Code Color เราสามารถผสมสีออกมาให้ตรงตามเฉดสีที่คุณต้องการได้ ผสมสีแบบ Customize ที่ใช้พ่นได้กับพื้นผิวที่หลากหลาย ทั้งพื้นเงา กึ่งเงา พื้นด้าน ใช้ได้ทั้งงาน Indoor และ Outdoor ท่านใดสนใจสอบถามทีมงานของเราได้เลย