“สี” ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้รถยนต์มีความสวยงามและช่วยเสริมเอกลักษณ์ของรถยนต์แต่ละคันได้เป็นอย่างดี สำหรับท่านที่กำลังคิดจะเปลี่ยนสีรถยนต์หรือตามหาวิธีผสมสีพ่นรถยนต์อยู่ The Code Color ผู้นำด้านสีพ่นรถยนต์ สี 2K และเคมีภัณฑ์สำหรับการผสมสีรถยนต์ จะมาแนะนำขั้นตอนการผสมสี 2K และความรู้เบื้องต้นที่ควรทราบเกี่ยวกับสีพ่นรถยนต์ว่ามีอะไรที่ควรทราบบ้างก่อนเริ่มการผสมสีพ่นรถยนต์เพื่อพ่นซ่อมสีรถยนต์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสีพ่นรถยนต์
ปัจจุบัน เทคโนโลยีสีพ่นรถยนต์หรือสีสำหรับพ่นซ่อมสีรถยนต์มีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่
สี 1K
สี 1K คือ สีระบบ 1 องค์ประกอบ ซึ่งไม่นับรวมถึงทินเนอร์ สำหรับการใช้งานสีประเภทสี 1K จะต้องนำมาผสมกับตัวทำละลาย เช่น ทินเนอร์ก่อนเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน ทั้งนี้ สี 1K จัดเป็นสีที่มีเนื้อสีน้อย เนื่องจากต้องผสมกับทินเนอร์หรือตัวทำละลายอื่น ๆ มากถึง 200% เมื่อนำไปใช้ในการผสมสีรถยนต์หรือพ่นซ่อมสีรถยนต์จึงต้องพ่นซ้ำ 3-4 เที่ยว และต้องทิ้งระยะเวลานานเพื่อขัดสีให้เกิดความเงา อีกทั้งสี 1K นี้จะไม่สามารถทนสารเคมีหรือกรดได้
สี 2K
สี 2K คือ สีระบบ 2 องค์ประกอบ แบ่งออกเป็นส่วนตัวสีที่ถือเป็นองค์ประกอบที่ 1 และตัวเร่งปฏิกิริยา (Hardener) ที่ถือเป็นองค์ประกอบที่ 2 โดยก่อนที่จะใช้งาน ผู้ใช้จะต้องมีการผสมสูตรผสมสีพ่นรถยนต์ในอัตราส่วนที่เหมาะสมเพื่อทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี และทำให้ชั้นฟิล์มของสี 2K มีความแข็งแรง แห้งตัวง่าย ซึ่งสี 2K จะมีเนื้อสีมากกว่าสี 1K จึงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ และสามารถทนต่อสารเคมีต่าง ๆ เช่น เบนซิน ดีเซล น้ำมันเบรก ทินเนอร์ได้ดี มีความเงางามสูง พ่นเพียงแค่ 1-2 เที่ยวก็เงางาม
สี OEM
สี OEM คือ สีที่ใช้ในโรงงานประกอบรถยนต์ สีชนิดนี้มีเพียงองค์ประกอบเดียว ในการใช้งานจะต้องมีการอบที่อุณหภูมิสูงราว 120-160 องศาเซลเซียส จึงจะได้ฟิล์มสีที่มีคุณภาพสูง เนื้อฟิล์มมีความแข็งแรง ทนทานต่อตัวทำละลาย เช่น ทินเนอร์ เบนซิน ดีเซลได้ โดยคุณสมบัติเด่นของสี OEM คือ คุณสมบัติการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม ให้ความเงาที่ดี มีเนื้อสีมาก รวมทั้งสามารถทนทานต่อแสงแดดได้ดี จึงไม่ซีดจางง่าย มีความคงทนสูงและคงสภาพเดิมได้เป็นระยะเวลานานกว่าสีประเภทอื่น ๆ
การแห้งตัวของสี
การแห้งตัวของสีถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการผสมสีรถยนต์และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของสีพ่นรถยนต์โดยตรง ซึ่งการแห้งตัวที่เกิดขึ้นจะเกิดจากการทำปฏิกิริยาทางเคมี ได้แก่ การระเหยตัวขององค์ประกอบทั้งสองส่วนที่ใช้ในสูตรผสมสีพ่นรถยนต์ โดยส่วนหนึ่งจะอยู่ในเรซิ่น (Resin) ของสี และอีกส่วนจะอยู่ในตัวเร่งปฏิกิริยา เมื่อทั้งสององค์ประกอบนี้ระเหยออกหมดจึงจะถือว่าเป็นการแห้งตัวที่ทำให้ได้ฟิล์มที่สีแห้งสมบูรณ์และมีคุณสมบัติในด้านอื่น ๆ เช่น ความทนทาน ความคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ความทนทานต่อสารเคมี ความเงางาม เป็นต้น
การพ่นซ่อมสีรถยนต์
การพ่นซ่อมสีรถยนต์ในอู่ซ่อมสีรถยนต์ทั่วไปนั้นสามารถเลือกใช้สีได้ 2 ระบบเท่านั้น ได้แก่ สี 1K และสี 2K เนื่องจากสี OEM จะต้องใช้วิธีอบในระดับอุณหภูมิที่สูงมาก ซึ่งอู่พ่นซ่อมสีรถยนต์ทั่วไปไม่สามารถทำได้ โดยใน ปัจจุบัน อู่ซ่อมสีชั้นนำมักนิยมใช้สี 2K เนื่องจากมีคุณสมบัติและคุณภาพที่ดีกว่าสี 1K มาก
อุปกรณ์ที่ใช้ในการผสมสีพ่นรถยนต์ 2K
อุปกรณ์ที่ใช้ในการผสมสี 2K เป็นอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายในท้องตลาด ได้แก่ ไม้วัดสีและถ้วยผสมสี ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้การผสมสีพ่นรถยนต์ สี 2K มีความแม่นยำ ได้เฉดสีพ่นรถยนต์ที่ตรงตามความต้องการ สามารถนำไปใช้ในการผสมสีพ่นรถยนต์และพ่นซ่อมสีรถยนต์ได้
ขั้นตอนการผสมสี 2K เพื่อให้ได้สีที่ออกมาเป๊ะตามที่ต้องการ
วิธีผสมสีพ่นรถยนต์ สี 2K ให้ได้สีที่ออกมาเป๊ะตามที่ต้องการนั้นมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสี 2K นั้นประกอบด้วยองค์ประกอบ 2 ส่วน ได้แก่ เนื้อสีและตัวเร่งปฏิกิริยาเคมี เมื่อนำองค์ประกอบทั้งสองส่วนมาผสมกันจะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างชั้นฟิล์มสี 2K ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และให้ความเงางามสูง สำหรับวิธีผสมสีพ่นรถยนต์ เพียงแค่นำองค์ประกอบทั้งสองส่วนมาผสมกันตามสูตรผสมสีพ่นรถยนต์ที่โรงงานผู้ผลิตกำหนดตามสัดส่วนก็จะได้สี 2K ที่มีคุณภาพสูง โดยเราจะแบ่งวิธีผสมสีพ่นรถยนต์ออกเป็น 2 รูปแบบตามอุปกรณ์ที่ใช้ในการผสมสีรถยนต์ ดังนี้
ขั้นตอนการผสมสี 2K โดยใช้ไม้วัดสี
- ตรวจสอบอัตราส่วนสูตรผสมสีพ่นรถยนต์ที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์หรือเอกสารคู่มือการใช้ เช่น 2:1 หรือ 4:1
- เลือกไม้วัดสีสำหรับผสมสีพ่นรถยนต์ให้ตรงกับสูตรผสมสีพ่นรถยนต์ในข้อ 1
- เตรียมภาชนะที่ได้ระนาบและมีความสมมาตรสำหรับผสมสีพ่นรถยนต์
- ผสมสีตามขั้นตอนการผสมสีพ่นรถยนต์ ซึ่งทั่วไปแล้วจะเป็นการเทเนื้อสีในส่วนที่ 1 ตามปริมาตรที่จะใช้งานก่อน จากนั้นจึงเทส่วนที่ 2 หรือตัวเร่งที่ทำให้สีแข็งตัวตามสัดส่วนที่ระบุบนเส้นของไม้วัดสี และเททินเนอร์ตามจุดที่กำหนดบนไม้วัดสี
- กวนสีให้เข้ากันดีก่อนนำไปใช้งาน
ขั้นตอนการผสมสี 2K โดยใช้ถ้วยผสมสี
- ตรวจสอบอัตราส่วนสูตรผสมสีพ่นรถยนต์ที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์หรือเอกสารคู่มือการใช้ เช่น 2:1 หรือ 4:1
- เลือกใช้อัตราส่วนที่ตรงกับเอกสารคู่มือ และเริ่มผสมสีตามขั้นตอนโดยเทเนื้อสีส่วนที่ 1 จนถึงขีดแรก จากนั้นเทส่วนผสมส่วนที่ 2 หรือตัวเร่งที่ทำให้สีแข็งตัวจนถึงขีดที่สอง
- เททินเนอร์ที่ระดับ 10% 20% หรือ 30%
- กวนสีให้เข้ากันดีก่อนนำไปใช้งาน
หลังจากผสมสี 2K ตามวิธีผสมสีพ่นรถยนต์ดังกล่าวแล้ว ควรกรองสีก่อนนำไปใช้งาน และสามารถวัดความหนืดด้วยถ้วยวัดความหนืด ทั้งนี้ ความหนืดสีจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ณ ขณะนั้น ๆ รวมถึงอายุการเก็บรักษาของตัวสีเองด้วย หากรู้สึกว่าสี 2K ที่ได้หนืดข้นเกินไป ผู้ใช้ก็สามารถผสมทินเนอร์เพิ่มได้จนกว่าจะได้เนื้อสีที่ตรงตามความต้องการและเหมาะสำหรับการนำไปใช้งาน
ข้อสังเกตหากผสมสี 2K ผิดอัตราส่วน
- สี 2K แห้งช้าผิดปกติ
- ฟิล์มสี 2K นิ่ม ไม่แข็งเท่าที่ควร
- สีซีดจาง ความเงางามลดลง แม้จะเพิ่งผ่านการใช้งานมาไม่นาน
- เนื้อสีลอกร่อน ยึดเกาะได้ไม่ดี
- ฟิล์มสี 2K มีความผิดปกติหลังจากใช้งานไปไม่นาน เช่น ฟิล์มสีแตกลายงา ฟิล์มสีย่น เป็นต้น
The Code Color หวังว่าทุกท่านคงจะพอเห็นภาพรวมของการผสมสี 2K สำหรับการพ่นซ่อมสีรถยนต์ และความรู้เบื้องต้นที่ควรทราบเกี่ยวกับสีพ่นรถยนต์บ้างแล้ว หากใครกำลังมองหาสีพ่นรถยนต์คุณภาพสูง The Code Color ยินดีให้บริการผสมสีพ่นรถยนต์ตามความต้องการเฉพาะของคุณ บริการออกแบบสีเทียบเฉดสี ทำสีตามตัวอย่างได้ทุกเฉดสีตามมาตรฐาน เฉดสีสดใส คมชัด สมบูรณ์แบบ มีสีสันให้เลือกมากมาย เลือกได้ทั้งสีเงา สีด้าน และสีกึ่งเงา มีทั้งรูปแบบกระป๋องและอัดสเปรย์ พลังยึดเกาะดีเยี่ยม ใช้ได้กับทุกวัสดุ ทุกพื้นผิว (ยกเว้นวัสดุโฟม) รองรับทุกกลุ่มอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ผสานความเชี่ยวชาญจากทีมงานมืออาชีพมากประสบการณ์เรื่องสีกว่า 30 ปี เราจึงให้บริการด้านสีที่ครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ ผสมสีพ่นรถยนต์ สีพ่นซ่อมรถยนต์ ผลิตสีตามตัวอย่าง เพื่อตอบโจทย์ให้กับทุกความต้องการ พร้อมให้คำแนะนำการใช้สีที่เหมาะสมกับชิ้นงานและอัตลักษณ์ของคุณ สามารถผลิตได้ทุกเฉด รับประกันได้ค่าสีที่ตรงกับความเป็นจริง ส่งมอบงานรวดเร็วภายใน 24 – 48 ชั่วโมง บริการผลิตเริ่มต้นที่ 0.5 ลิตรเท่านั้น